Harry Potter Chibi Neville Longbottom 2 Harry Potter Chibi Neville Longbottom 2

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ถึงช่วงปลายปีทีไร ชาวไทยเราก็มีเรื่องฉลองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่หรือวันคริสต์มาส ที่กำลังจะเข้ามาถึง แม้ว่าวันคริสต์มาสนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธสักเท่าไร แต่ก็มีคนไทยบางคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่จำนวนไม่น้อย ว่าแต่ประวัติคริสต์มาสเป็นมาอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาฝาก 

ตำนานวันคริสต์มาส

          คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

          เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮมและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่าพระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

           ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญต่อชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม

ต้นกำเนิดภาษาจีน

ต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของอัษรจีน
อักษรจีน คืออักษรภาพ(logogram) ที่โดยหลัก ๆ ในปัจจุบันใช้สำหรับเขียนภาษาจีน (เรียกว่า ฮั่นจื้อและภาษาญี่ปุ่น (เรียกว่า คันจินอกจากนี้ก็ยังใช้เขียนระบบเลขของภาษาอื่นด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดเช่นภาษาเกาหลี (เรียกว่า ฮันจาและภาษาเวียดนาม (เรียกว่า จื๋อโนมและยังคงหลงเหลืออยู่ในภาษาเหล่านี้ในบางระดับ อักษรจีนเป็นระบบการเขียนที่ใช้กันมาอย่างต่อเนื่องอันเก่าแก่ที่สุดในโลก นักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การเขียนในจีนที่เก่าสุดเริ่มเมื่อ 957 ปีก่อนพุทธศักราช ไม่มีหลักฐานแสดงความเกี่ยวข้องกับการเขียนในบริเวณอื่น ตัวอย่างการเขียนภาษาจีนที่เก่าสุดมีอายุราว 957 – 407 ปี ก่อนพุทธศักราช (ราชวงศ์ซางซึ่งเป็นจารึกบนกระดูกวัวและกระดองเต่า 
ตัวอักษรจีนเป็นตัวอักษรที่มีการใช้มาเป็นเวลานานที่สุด ใช้กันในพื้นที่กว้างขวางที่สุดและมีจำนวนคนที่ใช้ก็มากที่สุดในโลก การสร้างและการใช้ตัวอักษรจีนไม่เพียงแต่ได้ทำให้วัฒนธรรมจีนพัฒนาไปเท่านั้น หากยังได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาวัฒนธรรมโลกด้วย
ในเขตพื้นที่โบราณที่มีประวัติยาวนานห่างจากปัจจุบันกว่าหกพันปี เช่น ซากสถานที่โบราณปั้นโพเป็นต้น ก็ได้ค้นพบเครื่องหมายขีดเขียนมาก กว่า50ชนิด และมีการเรียบเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน เครื่องหมายเหล่านี้มีลักษณะเป็นตัวอักษรแบบง่ายๆ นักวิชาการเห็นว่า นี่อาจจะเป็นรูปแบบขั้นต้นของตัวอักษรจีน
ตัวอักษรจีนเริ่มกลายเป็นตัวอักษรที่มีระบบในสมัยราชวงศ์ซาง ศตวรรษที่16ก่อนคริสต์กาล นักโบราณคดีได้พิสูจน์ว่า ระยะต้นของราชวงศ์ซาง อารยธรรมจีนได้พัฒนาไปถึงระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ลักษณะพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การปรากฎตัวอักษรเจี่ยกู่เหวิน ตัวอักษรแบบเจี่ยกู่เหวินเป็นตัวอักษรโบราณชนิดหนึ่งที่แกะสลักบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ ในสมัยราชวงศ์ซาง กษัตริย์ต้องทำพิธีเสี่ยงทายก่อนจะทรงทำพระราชภารกิจใดๆ  กระดองเต่าและกระดูกสัตว์ก็คืออุปกรณ์การเสี่ยงทายในสมัยนั้น
ก่อนจะนำไปใช้ กระดองเต่าและกระดูกสัตว์ต้องเอาไปแปรสภาพ ก่อนอื่น ต้อง ขูดล้างเลือดและเนื้อที่เหลืออยู่บนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ให้สะอาด แล้วเลื่อยและขัดให้เรียบ ต่อจากนั้นใช้มีดหรืออุปกรณ์อื่นๆเจาะลึกเข้าไปด้านในของกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ รอยเว้าเหล่านี้เรียงตัวอย่างมีระเบียบ คนเสี่ยงทาย คือพ่อมดจะแกะสลักชื่อของตน วันเวลาในการเสี่ยงทายและปัญหาที่ต้องการถามลงบนกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ แล้วใช้ไฟเผารอยลึกบนกระดองหรือกระดูก เมื่อได้รับความร้อนก็จะเกิดรอยร้าว ซึ่งเรียกว่าเจ้า” พ่อมดก็อาศัยการวิเคราะห์ตามรอยแตกร้าวเหล่านี้ ในการเสี่ยงทาย พร้อมกับแกะสลักไว้บนกระดองหรือกระดูกว่าผลการเสี่ยงทายแม่นยำหรือไม่ เมื่อการเสี่ยงทายเกิดผลเรียบร้อยแล้ว กระดองหรือกระดูกที่มีรอยแกะสลักเหล่านี้ก็จะถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการ
ปัจจุบัน นักโบราณคดีได้ขุดพบกระดองหรือกระดูกทั้งหมดกว่า1แสน6หมื่นชิ้น ในจำนวนนั้น มีบางชิ้นยังมีความสมบูรณ์อยู่ บางชิ้นก็เป็น เพียงชิ้นส่วนที่ไม่ได้บันทึกตัวอักษรใดๆ ตามสถิติ ตัวอักษรชนิดต่างๆบนกระดองและกระดูกเหล่านี้มีถึงสี่พันกว่าตัว ในจำนวนนั้น มีการศึกษาวิจัยและพิสูจน์จากนักวิชาการแล้วประมาณสามพันตัว ในบรรดากว่า3000ตัวนี้ มีรับการตีความ หมายที่เป็นเอกภาพจากนักวิชาการแล้วนั้นมีกว่าพันตัว ที่เหลือยังไม่สามารถแปลได้ หรือไม่นักวิชาการต่างๆก็ แปลออกมาแล้วแต่ความหมายไม่ตรง  อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาตัวอักษรพันกว่าตัวนี้ เราก็สามารถเข้าใจสภาพการณ์เกี่ยวกับด้านต่างๆของราชวงศ์ซาง เช่น ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เป็นต้น ตัวอักษรเจี่ยกู่เหวินเป็นตัวอักษรที่ค่อนข้างสมบูรณ์และมีระบบของตนเอง ซึ่งได้ปูพื้นฐานให้การพัฒนาตัวอักษรจีนในเวลาต่อมา ต่อจากนั้น ตัวอักษรจีนก็ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเป็นหลายรูปแบบ เช่น จินเหวิน(แปลว่าคำจารึกบนเครื่องทองเหลือง) เสี่ยวจ้วน ลวี่ซู ข่ายซู เป็นต้น และได้ใช้กันมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของตัวอักษรจีนเป็นกระบวนการที่รูปแบบของตัวอักษรจีนเริ่มปรับให้มีระเบียบและมีความแน่นอนขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบเสี่ยวจ้วนได้กำหนดจำนวนขีดของตัวอักษรแต่ละตัวให้ชัดเจน ส่วนลวี่ซูก็ได้สร้างระบบรูปแบบการเขียนตัวอักษรจีนใหม่ รูปร่างค่อยๆเป็นสี่เหลี่ยมแบนๆ พอถึงยุคข่ายซู รูปร่างของตัวอักษรจีนก็ มีทรงมาตรฐานแน่นอน และได้กำหนดขีดพื้นฐานต่างๆขึ้น ได้แก่ ขีดแนวนอน ขีดแนวยืน ขีดเบี่ยงซ้าย ขีดแต้ม ขีดลากลงขวา ขีดตวัดขึ้น และขีดโค้ง รูปร่างของแต่ละขีดก็ได้รับการปรับปรุงให้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น จำนวนขีดและลำดับการเขียนขีดของตัวอักษรแต่ละตัวก็จะกำหนดไว้ พันกว่าปีมานี้ รูปแบบข่ายซูเป็นรูปแบบที่เป็นมาตรฐานของตัวอักษรจีนมาโดยตลอด
ตัวอักษรจีนเป็นรูปแบบตัวอักษรภาพโดยพื้นฐานแสดงความหมายโดยถือตัวอักษรที่เขียนตามรูปของสิ่งของต่างๆเป็นพื้นฐาน มีจำนวนตัวอักษรทั้งหมดประมาณหนึ่งหมื่นตัว ที่ใช้บ่อยๆมีประมาณสามพันตัว ตัวอักษรกว่าสามพันตัวนี้สามารถประกอบเป็นคำและสำนวนมากมาย คำและสำนวนต่างๆก็จะประกอบเป็นประโยคต่างๆ
ภายหลังเกิดตัวอักษรจีน ได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อประเทศรอบข้าง ตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีเป็นต้นก็เกิดขึ้นจากพื้นฐานของตัวอักษรจีน

ทัศนะ  หมายถึง  การเห็น  สิ่งที่มองเห็น 
ธาตุ     หมายถึง  สิ่งที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่รวมกัน เป็นรูปร่างของสิ่งทั้งหลาย

ทัศนธาตุ

         ทัศนธาตุ  หมายถึง  ส่วนสำคัญที่รวมกันเป็นรูปร่างของสิ่งทั้งหลายตามที่มองเห็น  ได้แก่  จุด  เส้น  สี  แสงเงา  น้ำหนัก  บริเวณว่าง  และลักษณะผิวทัศนธาตุ  เป็นส่วนประกอบสำคัญของศิลปะที่สามารถนำมาจัดให้ประสานกลมกลืน  เกิดเป็นผลงานศิลปะที่มีคุณค่าทางความงาม  และสื่อความหมายตามความคิดของผู้สร้างสรรค์ได้  ทัศนธาตุเกิดขึ้นจากการนำเอาธาตุใดธาตุหนึ่งมาสร้างเป็นรูปขึ้น  จากนั้นก็จะเกิดธาตุอื่นๆ  ขึ้นตามมา  เช่น  การใช้เส้นสร้างรูปทรงขึ้นรูปหนึ่ง  ก็จะทำให้เกิดช่องว่างหรือรูกร่างของบริเวณว่างขึ้นเมื่อใช้สีระบายลงบนรูปทรง  ทัศนธาตุจะปรากฏขึ้นทั้งเส้น  สี  และลักษณะผิว
ทัศนธาตุ ได้แก่

 
     1. จุด (Dot)      

      2. เส้น (Line)       
      3. สี (Color)       
      4. รูปร่างและรูปทรง (Shape and Form)       
      5. น้ำหนัก (Value)       
      6. บริเวณว่าง (Space)       
      7. ลักษณะผิว (Texture)   

สุขศึกษาเป็นวิชาที่สร้างเรียนรู้ด้านสุขภาพ พัฒนา ทักษะชีวิต ซึ่งส่งผลเกื้อหนุนสุขภาพของผู้เรียน ส่วนพลศึกษาเป็นการ ศึกษาเล่าเรียนในการบำรุงร่างกายด้วยการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้เด็กเจริญเติบโต มีสุขภาพดี ซึ่งเด็กทุกคนควรจะได้เรียนรู้เรื่องสุขภาพ เพื่อจะได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีเจตคติ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม รวมทั้งมีทักษะปฏิบัติด้านสุขภาพจนเป็นกิจนิสัย อันจะส่งผลให้สังคมโดยรวมมีคุณภาพ

สุขศึกษาและพลศึกษาสำคัญอย่างไร?

สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นการศึกษาด้านสุขภาพที่มีเป้าหมายเพื่อการดำรงสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ และการพัฒนาคุณ ภาพชีวิตของบุคคล ครอบครัว และชุมชนให้ยั่งยืน
  • สุขศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาพฤติกรรมด้านความรู้ เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม และการปฏิบัติเกี่ยวกับสุขภาพควบคู่ไปด้วยกัน
  • พลศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกมและกีฬา เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโดยรวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬา

หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดเนื้อหาสาระสุขศึกษาและพลศึกษาไว้อย่างไร?

เนื้อหาหรือขอบข่ายองค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ประกอบด้วย
  • การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย
  • ชีวิตและครอบครัว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องคุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่าง กาย จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกทางเพศ การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่น สุขปฏิบัติทางเพศ และทักษะในการดำเนินชีวิต
  • การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ การเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีมอย่างหลากหลาย ทั้งไทยและสากล การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ และข้อตกลงในการเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา และความมีน้ำใจนักกีฬา
  • การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการเลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและการป้องกันโรคทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
  • ความปลอดภัยในชีวิต ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ทั้งความเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิต

เด็กจะได้รับประโยชน์อะไรจากสุขศึกษาและพลศึกษา?

กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดคุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ไว้ ดังนี้
  • มีความรู้และเข้าใจในเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ วิธีการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน
  • มีสุขนิสัยที่ดีในเรื่องการกิน การพักผ่อนนอนหลับ การรักษาความสะอาดอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย การเล่นและการออกกำลังกาย
  • ป้องกันตนเองจากพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การใช้สารเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ และรู้จักปฏิเสธในเรื่องที่ไม่เหมาะสม
  • ควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได้ตามพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุ มีทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกาย กิจกรรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพและเกมได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย
  • มีทักษะในการเลือกบริโภคอาหาร ของเล่น ของใช้ ที่มีผลดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงและป้องกันตนเองจากอุบัติเหตุได้
  • ปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เมื่อมีปัญหาทางอารมณ์และปัญหาสุขภาพ
  • ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบข้อตกลง คำแนะนำ และขั้นตอนต่างๆ และให้ความร่วมมือกับผู้อื่นด้วยความเต็มใจจนงานประสบความสำเร็จ
  • ปฏิบัติตามสิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่นในการเล่นเป็นกลุ่ม

ครูสอนสุขศึกษาและพลศึกษาให้ลูกอย่างไร?

สุขภาพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากเด็กๆได้เรียนรู้หลักการต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ จะทำให้เด็กมีความรู้ เจตคติ มีการปฏิบัติที่ดีและถูกต้อง ทั้งยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกด้วย การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็ก จึงเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้หลักการเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และจะนำไปดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวได้เร็วและมากยิ่งขึ้น เป้าหมายของการสอนสุขศึกษาและพลศึกษา คือ การสอนให้เด็กเกิดความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติที่ดีต่อสุขภาพ เกิดสุขภาวะองค์รวม คือ ภาวะที่หมดทุกข์และมีสุข ตัวอย่างกิจกรรมที่ครูจัดให้เด็กที่โรงเรียนมีดังนี้
  • สอน ให้เข้าใจถึงทักษะในการเลือกบริโภคอาหาร การเลือกของเล่น ของใช้ ที่มีผลดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงและป้อง กันตนเองจากอุบัติเหตุได้
  • จัดกิจกรรม สร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ มีการทดสอบสมรรถภาพทางกาย จัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย เพื่อให้เด็กมีทักษะการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน การเคลื่อนไหวเฉพาะอย่าง การออกกำลังกาย เล่นเกม และเล่นกีฬา รวมถึงการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันในอิริยาบถต่างๆ ทั้งการเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ แบบอยู่กับที่ และแบบประ กอบอุปกรณ์
  • ฝึก ให้เด็กรู้จักวิธีปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ข้อตกลง คำแนะนำ และขั้นตอนต่างๆ ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นด้วยความเต็มใจจนงานประสบความสำเร็จ ปฏิบัติตามสิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่นในการเล่นเป็นกลุ่ม สามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียด รู้จักวิธีควบคุมอารมณ์และความคับข้องใจที่ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เช่น ทำสมาธิ เล่นกีฬา การร่วมกิจกรรม นันทนาการ การคลายกล้ามเนื้อ
  • เตรียมพร้อมป้องกันตนเอง จากพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การเสี่ยงต่อสุขภาพ เกิดอันตรายต่อชีวิต เช่น การรับประ ทานอาหารสุกๆ ดิบๆ การมีน้ำหนักตัวเกิน การขาดการออกกำลังกาย การถูกล่อลวงต่างๆ การล่วงละเมิดทางเพศ การใช้สารเสพติด และรู้จักปฏิเสธในเรื่องที่ไม่เหมาะสม