Harry Potter Chibi Neville Longbottom 2 Harry Potter Chibi Neville Longbottom 2

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ต้นกำเนิดภาษาจีน

ต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของอัษรจีน
อักษรจีน คืออักษรภาพ(logogram) ที่โดยหลัก ๆ ในปัจจุบันใช้สำหรับเขียนภาษาจีน (เรียกว่า ฮั่นจื้อและภาษาญี่ปุ่น (เรียกว่า คันจินอกจากนี้ก็ยังใช้เขียนระบบเลขของภาษาอื่นด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดเช่นภาษาเกาหลี (เรียกว่า ฮันจาและภาษาเวียดนาม (เรียกว่า จื๋อโนมและยังคงหลงเหลืออยู่ในภาษาเหล่านี้ในบางระดับ อักษรจีนเป็นระบบการเขียนที่ใช้กันมาอย่างต่อเนื่องอันเก่าแก่ที่สุดในโลก นักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การเขียนในจีนที่เก่าสุดเริ่มเมื่อ 957 ปีก่อนพุทธศักราช ไม่มีหลักฐานแสดงความเกี่ยวข้องกับการเขียนในบริเวณอื่น ตัวอย่างการเขียนภาษาจีนที่เก่าสุดมีอายุราว 957 – 407 ปี ก่อนพุทธศักราช (ราชวงศ์ซางซึ่งเป็นจารึกบนกระดูกวัวและกระดองเต่า 
ตัวอักษรจีนเป็นตัวอักษรที่มีการใช้มาเป็นเวลานานที่สุด ใช้กันในพื้นที่กว้างขวางที่สุดและมีจำนวนคนที่ใช้ก็มากที่สุดในโลก การสร้างและการใช้ตัวอักษรจีนไม่เพียงแต่ได้ทำให้วัฒนธรรมจีนพัฒนาไปเท่านั้น หากยังได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาวัฒนธรรมโลกด้วย
ในเขตพื้นที่โบราณที่มีประวัติยาวนานห่างจากปัจจุบันกว่าหกพันปี เช่น ซากสถานที่โบราณปั้นโพเป็นต้น ก็ได้ค้นพบเครื่องหมายขีดเขียนมาก กว่า50ชนิด และมีการเรียบเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน เครื่องหมายเหล่านี้มีลักษณะเป็นตัวอักษรแบบง่ายๆ นักวิชาการเห็นว่า นี่อาจจะเป็นรูปแบบขั้นต้นของตัวอักษรจีน
ตัวอักษรจีนเริ่มกลายเป็นตัวอักษรที่มีระบบในสมัยราชวงศ์ซาง ศตวรรษที่16ก่อนคริสต์กาล นักโบราณคดีได้พิสูจน์ว่า ระยะต้นของราชวงศ์ซาง อารยธรรมจีนได้พัฒนาไปถึงระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ลักษณะพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การปรากฎตัวอักษรเจี่ยกู่เหวิน ตัวอักษรแบบเจี่ยกู่เหวินเป็นตัวอักษรโบราณชนิดหนึ่งที่แกะสลักบนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ ในสมัยราชวงศ์ซาง กษัตริย์ต้องทำพิธีเสี่ยงทายก่อนจะทรงทำพระราชภารกิจใดๆ  กระดองเต่าและกระดูกสัตว์ก็คืออุปกรณ์การเสี่ยงทายในสมัยนั้น
ก่อนจะนำไปใช้ กระดองเต่าและกระดูกสัตว์ต้องเอาไปแปรสภาพ ก่อนอื่น ต้อง ขูดล้างเลือดและเนื้อที่เหลืออยู่บนกระดองเต่าและกระดูกสัตว์ให้สะอาด แล้วเลื่อยและขัดให้เรียบ ต่อจากนั้นใช้มีดหรืออุปกรณ์อื่นๆเจาะลึกเข้าไปด้านในของกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ รอยเว้าเหล่านี้เรียงตัวอย่างมีระเบียบ คนเสี่ยงทาย คือพ่อมดจะแกะสลักชื่อของตน วันเวลาในการเสี่ยงทายและปัญหาที่ต้องการถามลงบนกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ แล้วใช้ไฟเผารอยลึกบนกระดองหรือกระดูก เมื่อได้รับความร้อนก็จะเกิดรอยร้าว ซึ่งเรียกว่าเจ้า” พ่อมดก็อาศัยการวิเคราะห์ตามรอยแตกร้าวเหล่านี้ ในการเสี่ยงทาย พร้อมกับแกะสลักไว้บนกระดองหรือกระดูกว่าผลการเสี่ยงทายแม่นยำหรือไม่ เมื่อการเสี่ยงทายเกิดผลเรียบร้อยแล้ว กระดองหรือกระดูกที่มีรอยแกะสลักเหล่านี้ก็จะถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการ
ปัจจุบัน นักโบราณคดีได้ขุดพบกระดองหรือกระดูกทั้งหมดกว่า1แสน6หมื่นชิ้น ในจำนวนนั้น มีบางชิ้นยังมีความสมบูรณ์อยู่ บางชิ้นก็เป็น เพียงชิ้นส่วนที่ไม่ได้บันทึกตัวอักษรใดๆ ตามสถิติ ตัวอักษรชนิดต่างๆบนกระดองและกระดูกเหล่านี้มีถึงสี่พันกว่าตัว ในจำนวนนั้น มีการศึกษาวิจัยและพิสูจน์จากนักวิชาการแล้วประมาณสามพันตัว ในบรรดากว่า3000ตัวนี้ มีรับการตีความ หมายที่เป็นเอกภาพจากนักวิชาการแล้วนั้นมีกว่าพันตัว ที่เหลือยังไม่สามารถแปลได้ หรือไม่นักวิชาการต่างๆก็ แปลออกมาแล้วแต่ความหมายไม่ตรง  อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาตัวอักษรพันกว่าตัวนี้ เราก็สามารถเข้าใจสภาพการณ์เกี่ยวกับด้านต่างๆของราชวงศ์ซาง เช่น ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เป็นต้น ตัวอักษรเจี่ยกู่เหวินเป็นตัวอักษรที่ค่อนข้างสมบูรณ์และมีระบบของตนเอง ซึ่งได้ปูพื้นฐานให้การพัฒนาตัวอักษรจีนในเวลาต่อมา ต่อจากนั้น ตัวอักษรจีนก็ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเป็นหลายรูปแบบ เช่น จินเหวิน(แปลว่าคำจารึกบนเครื่องทองเหลือง) เสี่ยวจ้วน ลวี่ซู ข่ายซู เป็นต้น และได้ใช้กันมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของตัวอักษรจีนเป็นกระบวนการที่รูปแบบของตัวอักษรจีนเริ่มปรับให้มีระเบียบและมีความแน่นอนขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบเสี่ยวจ้วนได้กำหนดจำนวนขีดของตัวอักษรแต่ละตัวให้ชัดเจน ส่วนลวี่ซูก็ได้สร้างระบบรูปแบบการเขียนตัวอักษรจีนใหม่ รูปร่างค่อยๆเป็นสี่เหลี่ยมแบนๆ พอถึงยุคข่ายซู รูปร่างของตัวอักษรจีนก็ มีทรงมาตรฐานแน่นอน และได้กำหนดขีดพื้นฐานต่างๆขึ้น ได้แก่ ขีดแนวนอน ขีดแนวยืน ขีดเบี่ยงซ้าย ขีดแต้ม ขีดลากลงขวา ขีดตวัดขึ้น และขีดโค้ง รูปร่างของแต่ละขีดก็ได้รับการปรับปรุงให้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น จำนวนขีดและลำดับการเขียนขีดของตัวอักษรแต่ละตัวก็จะกำหนดไว้ พันกว่าปีมานี้ รูปแบบข่ายซูเป็นรูปแบบที่เป็นมาตรฐานของตัวอักษรจีนมาโดยตลอด
ตัวอักษรจีนเป็นรูปแบบตัวอักษรภาพโดยพื้นฐานแสดงความหมายโดยถือตัวอักษรที่เขียนตามรูปของสิ่งของต่างๆเป็นพื้นฐาน มีจำนวนตัวอักษรทั้งหมดประมาณหนึ่งหมื่นตัว ที่ใช้บ่อยๆมีประมาณสามพันตัว ตัวอักษรกว่าสามพันตัวนี้สามารถประกอบเป็นคำและสำนวนมากมาย คำและสำนวนต่างๆก็จะประกอบเป็นประโยคต่างๆ
ภายหลังเกิดตัวอักษรจีน ได้ส่งอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อประเทศรอบข้าง ตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีเป็นต้นก็เกิดขึ้นจากพื้นฐานของตัวอักษรจีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น